DAY 1
ออกเดินทางจากดอนเมืองด้วยหางแดง ใช้เดินทางประมาณ 1 ชั่วโมงก็ถึงสนามบินเสียมเรียบ
แค่เพียงก้าวแรกที่ออกจากตัวเครื่องก็รับรู้ได้ถึงความร้อน (ระอุ)
ฐานะชาติในอาเซียนเหมือนกันเลยไม่ต้องทำวีซ่า เดินสวยๆ ผ่านด่านตม. โดยใช้เวลาเพียงไม่กี่นาที
ออกมาเจอกับ “ซาง” ยืนถือป้ายต้อนรับเราอยู่ คราวนี้ได้นั่งรถเบนซ์เที่ยวด้วยนะ
ทริปนี้เป็นทริปคุณนาย มีการรถตู้เป็นของเราเอง รถตู้มีแอร์…. แต่!!!! เปิดแอร์ก็เหมือนเปิดฮีทเตอร์
ซางพาเราไปร้านอาหารทัวร์ลง สั่งอะไรก็ไม่ค่อยเป็น รู้แต่ว่าอาหารกัมพูชาที่เรามาแล้วต้องชิมคือ Amok กับ Lok lak มื้อนี้เราจัด Fish Amok (คล้ายๆ กับห่อหมก ผสมแกงเขียวหวาน) นอกนั้นเราก็สั่งอาหารพื้นๆ อย่าง ไข่เจียว ข้าวผัด แกงจืด ผัดผัก มื้อแรกขอจัดเบาๆ กลัวลำไส้ยังปรับตัวไม่ได้ เดี๋ยวจะป่วยก่อนเที่ยว
ก่อนเที่ยวขอแวะฝากกระเป๋าที่โฮสเทลที่จองมาแล้วล่วงหน้าก่อน
One Stop Hostel โฮสเทลที่เราเลือกและคัดสรรมาอย่างดีจากการอ่านรีวิว เท่าที่อ่านมานับได้ว่าเป็นโฮสเทลที่เลอค่า ทั้งราคาดี ทำเลเลิศ (ห่างจาก Pub street ประมาณ 100 เมตร) สะอาด ปลอดภัย และวิวดีมาก (หล่อแซ่บเพียบ คอนเฟิร์ม!!!)
ฝากกระเป๋าเสร็จ ไม่รอช้า… ลุยมหาปราสาทอังกอร์วัดกันเลย
ก่อนเที่ยว แวะซื้อ Angkor Pass นิดนึง
พาสทุกประเภทจะมีการถ่ายรูปติดพาสด้วย ตอนถ่ายรูปจะยิ้มได้นะคะ ไม่ต้องหน้าเครียดเหมือนถ่ายบัตรประชาชน พาสนี้ต้องเก็บไว้ให้ดี เพราะต้องแสดงบัตรทุกครั้งที่เข้าไปยังแต่ละสถานที่ท่องเที่ยว ถ้าหาย มีหนทางเดียวคือ ทำใหม่ค่ะ
จากจุดซื้อพาสเพียง 5 นาที พวกเราก็เดินทางมาถึงสิ่งมหัศจรรย์ของโลกแล้ว “อังกอร์วัด หรือนครวัด”
ก้าวแรกที่เราเข้าสู่อังกอร์วัด เราก็เข้าใจได้ทันทีเลยว่าทำไมอังกอร์วัดถึงเป็นสิ่งมหัศจรรย์ของโลกได้ ยิ่งใหญ่สมคำร่ำลือ
มหาปราสาทอังกอร์วัดต้องใช้เวลาสร้างถึง 30 ปี และใช้หินมากกว่า 1 ล้านก้อนจากเทือกเขาพนมกุเลน
การเดินเที่ยวอังกอร์วัดต้องมีแบบแผนการเดินนิดนึง เพราะถ้าเดินมั่วๆ ก็อาจจะเที่ยวไม่ทั่วก็เป็นได้ โดยโครงสร้างอังกอร์วัดแบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ ตัวปราสาท และระเบียงคดที่เชื่อมส่วนต่างๆ เข้าด้วยกัน เราต้องเริ่มเดินจากทางด้านซ้ายของระเบียงคดชั้นใน ชั้นที่ 1 (หรือมุมใดมุมใดก็ได้ แล้ววนให้ครบรอบ) แล้ววนขวาให้รอบ เพื่อดูภาพสลักนูนต่ำบนกำแพง
นางอัปสรายิ้มเห็นฟัน
หลังจากเสร็จจากระเบีบงคดชั้นที่ 1 แล้ว เราก็ไปต่อที่ชั้นที่ 2 ในชั้นนี้ไฮไลท์คือภาพสลักนางอัปสราที่หลากหลายทั้งด้านนอกและด้านใน
ส่วนชั้นในสุด จะต้องปีนบันไดสูงชันเพื่อขึ้นด้านบน (ในส่วนนี้ห้ามใส่ขาสั้นเหนือเข่า หรือแขนกุด)
พวกเราใช้เวลาชื่นชมความยิ่งใหญ่และความงามของอังกอร์วัดราว 3 ชั่วโมง (จริงๆ ก็ยังไม่ทั่ว) แค่เพียงระยะเวลาสั้นๆ ก็สัมผัสได้ถึงความงามและความยิ่งใหญ่ของอังกอร์วัด และทำให้เข้าใจวลีที่ว่า “See Angkor Wat and Die” แต่อยากบอกว่าตายนี่อาจเป็นเพราะร้อนตาย (ร้อนจริงๆ เหงื่อออกเป็นลิตร)
จากอังกอร์วัด ไปต่อปราสาทพนมบาเค็ง โดยใช้เวลาเดินทางจากอังกอร์วัดประมาณ 5 นาที เพื่อไปยังปราสาทพนมบาเค็ง จุดชมพระอาทิตย์ตกดินที่สวยที่สุด
แนะนำให้พกน้ำดื่มไปด้วย เพราะนอกจากจะต้องเดินขึ้นเนินไปประมาณ 20 นาทีแล้ว เรายังต้องใช้เวลาต่อคิวเพื่อขึ้นด้านบนปราสาทอีกราว 1 ชั่วโมง (มากน้อยแล้วแต่ปริมาณนักท่องเที่ยว) เหตุที่ต้องรอคิวนานก็เพราะด้านบนปราสาทจะจำกัดให้ขึ้นไม่เกินครั้งละ 300 คน
จุดนี้อาจมีหงุดหงิดบ้าง เพราะอากาศร้อน บวกกับการเจอนักท่องเที่ยว… แซงคิว ไม่ว่าจะด่าหรือไล่ก็ไม่ยอมไป และเทคนิคการแซงคิวแต่ละคนนี้ แพรวพราวมาก อย่าคิดว่าจะชนะพวกเขาได้ เพราะพวกเค้าคือตำนาน… ก็คงได้แต่ทำใจ T^T แต่ถ้าหักลบกับวิวพระอาทิตย์ตกดินสวยๆ ด้านบนปราสาท กับลมโชยเย็นๆ ก็พอจะถูไถไปได้
มองเห็นอังกอร์วัดจากมุมสูง
เที่ยวจนเมื่อย งานกินหนักต้องมา จัดหมูกะทะที่ Pub Street (อาหารยอดฮิตของที่นี่ มีหลากหลายร้านให้เลือก)
เนื้องู ขากบ เนื้อจระเข้ ราคาพอๆ กับหมู ไก่ กุ้ง ใครใคร่ลอง..ลอง ใครกลัวก็บอกผ่านเหมือนพวกเรานะคะ ได้กินแต่หมู ไก่ ที่เหนียวๆ ฮ่าๆๆ
มาเสียมเรียบอย่าได้พลาด น้ำปั่น $1 ไม่รู้เป็นอะไร น้ำปั่นที่นี่ชอบใส่นม เช่นมะนาวปั่นใส่นม แตงโมปั่นใส่นม ถ้าใครไม่ปลื้ม บอกเค้าด้วยนะคะว่าไม่ต้องใส่นม ถ้าไม่บอก เค้าอาจจะใส่มาให้ด้วยค่ะ
เที่ยวเหนื่อย… กินอิ่ม… หลับสบาย…
คืนแรกที่เสียมเรียบ
DAY 2
วันนี้เป็นวันมหาโหดของพวกเรา เดินขาลากทั้งวัน โปรแกรมวันนี้คือเราจะตะลุยออกนอกตัวเมือง เริ่มลุยกันเลย
ที่แรก Prasat Banteay Srei (ปราสาทบันเตียสะเรย) ต้องนั่งรถออกจากตัวเมืองเสียมเรียบประมาณ 1 ชั่วโมง หลับกันไปยาวๆ (แต่ก็ไม่ได้ยาวเท่าไหร่หรอกนะ ถนนไม่ค่อยดีเท่าไหร่)
ปราสาทบันเตียสะเรย ปราสาทหินทรายสีชมพูแห่งเดียวในกัมพูชา เอาจริงๆ เท่าที่สังเกตุ ภาพสลักนูนต่ำที่บันเตียสะเรยค่อนข้างจะละเอียด และยังสมบูรณ์อยู่มากทีเดียว
และจุดที่น่าสังเกตุอีกอย่างคือ ปราสาทบันเตียสะเรยตั้งอยู่บนเนินดิน เพราะปราสาทแห่งนี้สร้างโดยพราหมณ์ไม่ใช่กษัตริย์เหมือนปราสาทแห่งอื่นๆ
ทางออกของปราสาทบันเตียสะเรย มีวงดนตรีบรรเลงเพลงด้วยเครื่องดนตรีท้องถิ่นด้วย
จากบันเตียสะเรยนั่งรถไปอีกประมาณครึ่งชั่วโมง ไปเที่ยวต่อกันที่ Kbal Spean (กบาลสะเปียน) เพื่อตามหาภาพสลักศิวลึงค์นับพันชิ้นใต้น้ำ และรูปสลักใต้น้ำอีกมากมาย อ่านรีวิวมาก็เยอะ ดูรูปมาก็แยะ ตื่นเต้นๆ ถึงแม้ว่าจะรู้ว่าต้องเดินบ้าง ปีนบ้าง กว่ากิโลครึ่งก็ยอม
แต่ภาพแห่งความฝัน กับความเป็นจริงมันช่างต่างกันลิบ
ทางเดินก็ลำบาก เหนื่อย ร้อน เมื่อย ระยะทางหนึ่งกิโลเมตรมีความรู้สึกเหมือนสิบกิโล บางช่วงต้องปีนก้อนหินบ้าง บางช่วงก็ลื่นบ้าง ระวังกันหน่อยค่ะ ผู้สูงอายุไม่แนะนำนะคะ
พอไปถึงน้ำก็แห้งเหิด (มันเป็นความผิดของพวกเราเองที่มาผิดฤดู)
หลังจากนั่งพักเหนื่อย และช็อคกับภาพที่เห็น จู่ๆ ก็เหมือนมีนางฟ้ามาโปรด มีเจ้าหน้าที่สาว (สวย) มาเดินนำทางเราไป บอกให้กลับอีกทางนะ เดี๋ยวจะพาไปดูรูปแกะสลักต่างๆ หลังจากนั้นพวกเราก็มีไกด์พิเศษเฉพาะกลุ่มเรา เดินนำเราไปชี้ตรงจุดไฮไลท์ต่างๆ ถึงแม้ว่าจะไม่มีน้ำ แต่ก็ประทับใจ ประทับใจเจ้าหน้าที่ มีความพยายามมาก พาเราเดินชมปีนลงเขา ลัดเลาะโขดหินระยะทางกว่า 400 เมตร กราบงามๆ
เอาจริงๆ ถ้าจะมากบาลสะเปียน เจ้าหน้าที่บอกให้มาหน้าฝนหน่อย จะได้มีน้ำ ประมาณเดือนตุลาคม แต่เราก็คิดว่าคงอันตรายพอสมควร ทางเดินน่าจะลื่น ถ้าใครไม่แข็งแรง บอกเลย ตัดที่นี่ออกได้เลยนะคะ
ร้อน เหนื่อย หิว เลยตัดสินใจกินข้าวหน้ากบาลสะเปียนเนี่ยหล่ะ แล้วเป็นไงหล่ะ……!!! ข้าวผัดจานละ $6 คือ แถวบ้านเราในกทม.เลยนะ น่าจะไม่เกิน 50 บาท -.- ช้ำใจ ไม่อร่อยด้วย แถมบอกว่ามี wifi ฟรี แต่ก็ใช้ไม่ได้ 😦
จบจากกบาลสะเปียนก็บ่ายโมงเห็นจะได้ จากจุดนี้ เราใช้เวลาเดินทางอีก 1 ชั่วโมง เพื่อไป Beng Mealea (ปราสาทเบ็งเมเลีย)
*** ปราสาทนี้ใช้อังกอร์พาสไม่ได้ จ่ายเพิ่ม $5 ***
ปราสาทนี้ถือว่าเป็นไฮไลท์ของวันเลย เพราะเหมือนได้ผจญภัยในแดนพิศวง เหมือนอยู่ในหนังอินเดียน่าโจนส์บุกตะลุยปราสาทโบราณ
เบ็งเมเลียเพิ่งเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้ามาท่องเที่ยวได้ไม่กี่ปี เพราะเพิ่งเก็บกู้ระเบิดในสมัยเขมรแดงออกไปหมด (เพิ่งมารู้ทีหลัง ถ้ารู้ก่อน คงเดินแบบระแวง)
แค่เห็นด้านหน้าก็ตื่นเต้นแล้ว ความยิ่งใหญ่ของปราสาท ถึงแม้จะพังทลายแต่ก็รับรู้ได้ถึงความยิ่งใหญ่
เดินเข้าไปอีกนิด จะเจอกลุ่มคนกัมพูชา ทั้งหญิงชาย นั่งมองพวกเราอยู่ เราก็งงๆ ไม่รู้จะเริ่มเดินทางไหน แต่ที่แน่ๆ เห็นทางเป็นสะพานไม้ เลยคิดจะไปทางนั้น ทันใดนั้นเอง ก็มีคุณลุงคนนึงชี้ทางให้เรา บอกว่าให้ไปทางซอกของปราสาทพังๆ ไม่ใช่ไปทางไม้ จากนั้นป้าอีกคนก็รีบเสริม บอกทางนี้สวยกว่า เดินไปทางนี้แล้วค่อยวนออกมาทางไม้ เราลังเลอยู่ครู่นึง แล้วตัดสินใจเดินไปตามทางที่ลุงบอก แต่ก็งงๆ ไม่รู้จะไปต่อทางไหน เพราะทางข้างหน้าเป็นหินพังๆ เพียงแวบเดียว ลุงคนนั้นก็ปีนหินมาอยู่ตรงหน้า แล้วบอกเราว่าให้มุดรูไปข้างใน เราเดินตามไปเหมือนต้องมนต์
จากจุดนั้น ลุงก็นำทางเราไปตามส่วนต่างๆ ของปราสาทที่พัง บ้างก็มุด บ้างก็ปีน บางจุดมีมุมให้ถ่ายรูป ลุงก็บอกให้ถ่ายตรงนี้ พร้อมโพสท่าให้เราดูเป็นตัวอย่าง
เราใช้เวลาหลงอยู่ในซากปราสาทเกือบชั่วโมง
เมื่อหลุดออกจากปราสาทลุงก็พาเดินวนออกด้านนอกไปชมส่วนต่างๆ และวนกลับเข้ามาทางสะพานไม้
เป็นการผจญภัยที่สุดยอดไปเลยค่ะ ชอบและประทับใจมาก ส่วนน้ำใจที่จะให้ลุง ก็แล้วจะให้ละกันค่ะ ถึงแม้ลุงจะเรียกร้องเท่าไหร่ก็ช่าง เอาที่เราสบายใจ ^^
หลุดจากแดนสนธยามาก็เป็นเวลาจะบ่าย 4 โมงแล้ว ซางคนขับรถบอกว่าเราอาจจะไปปราสาททที่เหลือตามโปรแกรมไม่ทัน เราก็บอกว่าไม่เป็นไร ลองขับไปก่อน ถ้าทันก็ทัน ไม่ทันก็ไม่เป็นไร เพราะปราสาทที่นี่ส่วนใหญ่ปิด 17.00 ค่ะ แต่สรุปสุดท้าย เราทันได้เที่ยว 1 ที่ ซึ่งเราเลือกแล้ว นั่นคือ Prasat Bakong (ปราสาทบาโกง)
เพราะตอนที่เราไปพระอาทิตย์เริ่มคล้อยแล้ว ปราสาทก็ใกล้จะปิด ทำให้คนไม่มากนัก มีที่และมีเวลาเดินอย่างสบายๆ บ้างก็นั่งพักเหนื่อย บ้างก็นั่งมองวิว จบวันที่ 2 อย่างประทับใจ และเหนื่อยมาก
ด้วยความเหนื่อยล้า เราบอกให้ซังว่าไปส่งเรากลับ Hostel เถอะ ไม่ไหวแล้ว ทันทีที่ลงจากรถ วิ่งไปร้านนวดฝ่าเท้าข้างๆ Hostel จัดนวดไปคนละครึ่งชั่วโมง ($3)
หลังจากผ่อนคลายด้วยการนวดแล้ว ภารกิจต่อไปก็คือการกิน มื้อนี้ไปกินอาหารอิตาเลียนชื่อดังของย่าน Pub Street ชื่อร้าน il forno (https://www.facebook.com/ilforno.cambodia) บางคนบอกว่าต้องจอง แต่เราตัดสินใจเดินเข้าไปเลย โชคดีที่มีโต๊ะว่าง จัดพิซซ่าแป้งบางกรอบจนพุงกาง ทั้งอิ่ม ทั้งอร่อย ทั้งราคาไม่แพง เรียกว่าให้ห้าดาวไปเลยค่ะ
อิ่มแล้ว ก็ต้องจัดเบียร์อังกอร์ เบียร์กัมพูชา ถ้าไม่โดน ถือว่ามาไม่ถึง ราคาก็ไม่แพง เท่าๆ กับเบียร์ทั่วไปของไทย รสชาติก็ไม่หนี อารมณ์เหมือนจิบลีโอจืดๆ นั่งจิบเบียร์ ชมวิว ฟังเพลงซักครู่ ก็ได้เวลานอนของพวกเราแล้ว พรุ่งนี้ยังมีโปรแกรมเช้าตรู่สำหรับพระอาทิตย์ขึ้นอีก ราตรีสวัสดิ์ค่ะ
อลังการมากๆครับ
LikeLike
I often visit your site and have noticed that you don’t update it often.
More frequent updates will give your website higher authority & rank in google.
I know that writing posts takes a lot of time, but you can always help yourself with miftolo’s tools which will shorten the
time of creating an article to a few seconds.
LikeLike